A. บียอนด์ มากิ พลัส สุดยอดเครื่องดื่มแอนตี้ออกซิแดนท์ – ประโยชน์ และ ส่วนผสม
1. มากิ พลัส คืออะไร?
มากิ พลัส (Maqui Plus+) คือ “สุดยอดเครื่องดื่ม แอนตี้ออกซิแดนท์ จากซุปเปอร์ฟรุตและเบอร์รี่เข้มข้น” ทำจากผลไม้ซุปเปอร์ฟรุตและเบอร์รี่รวม 12 ชนิด จาก 9 ประเทศทั่วโลก
2. ประโยชน์ที่ได้จากการดื่ม มากิ พลัส คืออะไร?
มา กิ พลัส ประกอบไปด้วย ไฟโตนิวเทรียนซ์ (phytonutrients) สารอาหารที่มีประโยชน์จากพืช คือ จากซุปเปอร์ฟรุตเข้มข้น ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดสารพิษในเลือด และ ปกป้องตับ ส่งผลให้ “เลือดสะอาด ตับแข็งแรง” จึงให้ผลลัพธ์การ“ส่งเสริมสุขภาพตับ และ สุขภาพองค์รวม” ของร่างกาย ดังนี้
2.1 ส่งเสริมการทำงานของตับ
ด้วยส่วนผสม 3 ชนิด ที่มีส่วนช่วยบำรุงปกป้องตับโดยตรง (Liver & Life Booster) คือ: มากิ เบอร์รี่+อาร์ติโช๊ค+โกจิเบอร์รี่
- ชะลอ ความเสื่อมของตับ:- เพราะมีฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์ช่วยต้านสารพิษอนุมูลอิสระในเลือดที่ไปสู่ตับ และอวัยวะต่างๆ ตับจึงถูกทำร้ายน้อยลง ทำงานได้ดีขึ้น
- ส่งเสริมการขจัดสารพิษของตับ (detoxification) : - ตับสุขภาพดี มีเอนไซม์ที่ดีจะเร่งการขจัดสารพิษได้ดี
- ลดความเสี่ยงของโรคตับ: ตับอักเสบ ไขมันเกาะตับ มะเร็งตับ
- เมื่อตับสุขภาพดี ก็ทำหน้าที่กำจัดสารพิษและสร้างพลังงานได้ดีขึ้น จึงส่งผลให้สุขภาพองค์รวมดีขึ้น
2.2 จุดกำเนิดแห่งสุขภาพองค์รวม รู้สึกได้ถึงสุขภาพที่ดีขึ้น เพราะ
- ส่งเสริมการสร้างพลังงาน และ ขจัดสารพิษอนุมูลอิสระ
- ต่อต้าน ลดความเสี่ยงต่อโรค
3. มากิ พลัส ทำจากผลไม้ชนิดใดบ้าง? และแต่ละชนิดให้ประโยชน์อย่างไร ?
มา กิ พลัส ทำจากผลไม้ซุปเปอร์ฟรุตและเบอร์รี่ รวม 12 ชนิด จาก 9 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ออสเตรีย, บราซิล, ชิลี, จีน, ฝรั่งเศส, ไต้หวัน, อเมริกา, สเปน, อิสราเอล คือ มากิ เบอร์รี่ (Maqui berry) อาร์ติโชค (Artichoke) โกจิ เบอร์รี่ (Goji berry) อาซาอิ เบอร์รี่ (Acai berry) อะเซโรร่า เชอร์รี่ (Acerola cherry) องุ่นแดง และสารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Red grape & Grape seed extract) โช้คเบอร์รี่ (Chokeberry) แครนเบอร์รี่ (Cranberry) ราสเบอร์รี่ (Raspberry) แอปเปิ้ล (Apple) สตอเบอร์รี่ (Strawberry) เชอร์รี่ (Cherry)
4. ซุปเปอร์ฟรุต คืออะไร และประโยชน์ของผลไม้ซุปเปอร์ฟรุตและเบอร์รี่แต่ละชนิดใน มากิ พลัส มีอะไรบ้าง?
ซุปเปอร์ ฟรุต คือ ผลไม้ซึ่งอุดมเข้มข้นไปด้วยสารสำคัญตามธรรมชาติ (ไฟโตนิวเทรียนท์ phytonutrient) ซึ่งมีฤทธิ์ส่งเสริมสุขภาพ เช่น อาจมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ต้านการอักเสบ (Anti-inflammation) ซึ่งทำให้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ หรือส่งผลต่อการฟื้นฟูสุขภาพ
- มา กิ เบอร์รี่ (Maqui berry) จากชิลี เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ สีม่วงเข้ม หรือที่รู้จักในชื่อ ชิเลียน ไวน์ เบอร์รี่ (Chilean wine berry) มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ ทั้งหมดในโลก ได้รับสมญานามว่าเป็น “ราชาแห่งสารต้านอนุมูลอิสระ (The king of superfruits)” อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ กลุ่ม แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ชื่อ เดลฟินิดิน (Delphinidin) ซึ่งมีฤทธิ์สูงที่สุด จึงช่วยปกป้องตับจากสารพิษอนุมูลอิสระ มากิเบอร์รี่ ช่วยต้านความเสื่อมแห่งวัย (Anti-aging) ต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง (Anti-cancer) ต้านการอักเสบสาเหตุของโรคต่างๆ (Anti-inflammation) เช่น โรคเรื้อรังอย่าง หัวใจ อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน ส่งเสริมการมองเห็น และช่วยให้เส้นเลือดแข็งแรง
- อาร์ติโช๊ค (Artichoke) จากฝรั่งเศส เป็นพืชผักที่นิยมใช้ในการรักษา ประกอบด้วย แร่ธาตุ ,ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ชื่อ ไซนาริน (Cynarin) ช่วยส่งเสริมสุขภาพตับ โดยเสริมการดีท็อกซ์ขจัดสารพิษ และยับยั้งคอเลสเตอรอลชนิดเลว LDL จึงลดความเสี่ยงของตับอักเสบและไขมันเกาะตับ
- โกจิ เบอร์รี่ (Goji berry) จากจีน เป็นผลไม้สมุนไพรตระกูลเบอร์รี่ สีส้ม-แดง อุดมไปด้วยวิตามิน และ สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบต้า แคโรทีน, ไลโคปีน, และมีโพลิแซคคาไรด์ ชนิดพิเศษที่มีเฉพาะในโกจิเบอร์รี่ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับ โดยส่งเสริมการสร้างเซลล์ใหม่ของตับ
- อา ซาอิ เบอร์รี่ (Acai berry) จากบราซิล จัดอยู่ในตระกูลของปาล์ม มีสาร กลุ่มแอนโทไซยานิน ที่มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ ทั้งช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการอักเสบ และเสริมภูมิต้านทาน
- อะ เซโรลาเชอร์รี่ (Acerola cherry) จากอเมริกา ลักษณะผลกลมแป้น คล้ายเชอร์รี่ ประกอบด้วย วิตามินซี, แคโรทีนอยด์ และแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยให้ผิวพรรณดูสดใส
- องุ่น แดง และสารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Red grape & Grape seed extract) จากสเปน อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ชื่อ โปรแอนโทไซยานิดิน (proanthocyanidins) ส่งเสริมสุขภาพหลอดเลือด หัวใจ โดยลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอล LDL
- โช้ค เบอร์รี่ (Chokeberry) จาก ออสเตรเลีย เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกับบลูเบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความดัน คอเลสเตอรอล และระดับน้ำตาลในเลือด รวมทั้งกำจัดอนุมูลอิสระในตับ
- แครนเบอร์รี่ (Cranberry) จากอเมริกา มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง น้ำแครนเบอร์รี่ขึ้นชื่อเรื่องการช่วยลดการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ และช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และมะเร็ง ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล,
- ราสเบอร์รี่ (Raspberry) จากไต้หวัน มีวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์สูง รวมทั้งมีสารต้านอนุมูลอิสระแอนโทไซยานิน, ลูทีน และ วิตามินอี มีงานวิจัยว่าช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โรคอ้วน หัวใจ ความเสื่อมของดวงตา
- แอปเปิ้ล (Apple) จากอิสราเอล มีวิตามินแร่ธาตุ ไฟเบอร์ที่ชื่อ เพคติน ช่วยลดระดับไขมัน และคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และ มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยต้านมะเร็ง
- สต รอเบอร์รี่ (Strawberry)จากอิสราเอล ช่วยต้านอนุมูลอิสระในเลือด ช่วยลดระดับไขมัน และคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและมะเร็ง
- เชอร์รี่ (Cherry)จากอิสราเอล มีสารต้านอนุมูลอิสระ และมี “เมลาโทนิน (Melatonin)” ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยให้นอนหลับง่าย หลับสนิท, และพบว่าช่วยลดการอักเสบได้ดีจึงลดความเสี่ยงต่อโรคเก้าท์ มะเร็งโรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท
5. สารไฟโตนิวเทรียนท์ และสารแอนตี้ออกซิแดนท์คืออะไร?
ไฟ โตนิวเทรียนท์ หรือ สารพฤกษเคมี (Phytonutrient หรือ Phytochemical) หมายถึง สารเคมีที่พบในพืชผักผลไม้และมีฤทธิ์ทางชีวภาพ สารกลุ่มนี้ทำให้พืชชนิดนั้นๆมีสี กลิ่น หรือ รสชาติที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ไฟโตนิวเทรียนท์ หลายชนิดมีฤทธิ์เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) เพราะสามารถต่อต้านสารพิษอนุมูลอิสระได้ (Free Radicals)
สารพิษ อนุมูลอิสระซึ่งก่อตัวจากความเครียด กระบวนการเผาผลาญอาหารในร่างกาย ปนเปื้อนจากอาหาร ยา บุหรี่ มลภาวะจากสิ่งแวดล้อม ฯลฯ จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) และทำให้โมเลกุลต่างๆในร่างกายเช่น โปรตีน ไขมัน ในผนังเซลล์ องค์ประกอบในเซลล์ รวมถึง ดีเอ็นเอ เกิดการเปลี่ยนแปลง และเกิดอนุมูลอิสระสะสมเพิ่มมากขึ้นๆ เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ (Chain reaction) และทำให้เกิดโรคร้ายของอวัยวะต่างๆ มากมาย เช่น โรคของตับ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาทและความจำ ระบบภูมิต้านทาน รวมถึงโรคมะเร็ง และในภาวะโรคเหล่านี้ก็จะสร้างสารพิษอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
โดย ปกติร่างกายสามารถสร้างสารต้านอนุมูลอิสระได้จากอาหารที่กิน เช่น SOD(ซุปเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเตส), GSH (กลูต้าไธโอน), และวิตามินต่างๆ ซึ่งมันจะไปจับทำลายสารพิษอนุมูลอิสระและลดความเป็นพิษลงได้ จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้ แต่การกินอาหารที่ได้คุณค่าสารอาหารไม่ครบถ้วน และ การมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เพิ่มสารพิษอนุมูลอิสระสะสมมากจนเกิดภาวะ Oxidative Stress คือภาวะเครียดในร่างกายเพราะมีปริมาณสารพิษอนุมูลอิสระมากกว่าสารต้านอนุมูล อิสระ การกินพืชผักผลไม้โดยเฉพาะกลุ่มเบอร์รี่จะเป็นการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ให้แก่ร่างกายอย่างรวดเร็ว จึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคจากอนุมูลอิสระ และลดความรุนแรงของภาวะโรคต่างๆ ซึ่งมีสารพิษอนุมูลอิสระอยู่มากได้
6. มากิ พลัส เป็น “เครื่องดื่มแอนตี้ออกซิแดนท์” หมายความว่าอะไร ?
เป็นเครื่องดื่มที่อุดมด้วย “สารแอนตี้ออกซิแดนท์ (antioxidant)” มีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
อธิบาย เพิ่มเติมดังนี้ โดยปกติจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและมลพิษปนเปื้อน ร่างกายได้รับ สารพิษอนุมูลอิสระหรือ ฟรีแรดิคัล (Free Radical) จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น Oxidation โดยไปดึงเอาอิเล็คตรอนจากโมเลกุลของโปรตีน ไขมัน และองค์ประกอบต่างๆ ในร่างกาย ทำให้กลายเป็นสารพิษอนุมูลอิสระเพิ่มจำนวนขึ้นๆ เรื่อยๆ เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ จนถึงจุดที่มีอนุมูลอิสระมากเกินกว่าที่กระบวนการต่อต้านตามธรรมชาติของร่าง กายจะต่อต้านได้ เรียกว่าเกิดภาวะ Oxidative Stress หรือภาวะเครียดจากอนุมูลอิสระมากเกินไป ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมารวมถึง มะเร็ง
เครื่องดื่ม แอนตี้ออกซิแดนท์ จะให้สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะเข้าไปจับกับอนุมูลอิสระ เป็นการยับยั้งปฏิกิริยาออกซิเดชั่นไม่ให้เกิดขึ้นมากเกินไป (จึงเรียกสารต้านอนุมูลอิสระ ว่า แอนตี้ ออกซิแดนท์ เพราะต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น) และหยุดยั้งปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ทำร้ายร่างกาย
7. ส่วนผสมใดใน มากิ พลัส ที่มีผลต่อการดูแลตับโดยตรง?
ส่วน ผสมหลักสามชนิดคือ มากิเบอร์รี่ อาร์ติโช๊ค และ โกจิเบอร์รี่ เป็นสามส่วนผสมที่ช่วยดูแลปกป้องส่งเสริมสุขภาพตับโดยตรง นอกจากนี้ส่วนผสมเบอร์รี่อื่นๆ ที่มีงานวิจัยว่าช่วยต้านสารพิษอนุมูลอิสระก็จะช่วยให้เลือดสะอาดขึ้น ลดการทำงานหนักของตับในการกำจัดของเสียสารพิษ
8. มากิ เบอร์รี่ คืออะไร มีประโยชน์ต่อตับอย่างไร?
มา กิ เบอร์รี่ ผลไม้ พื้นถิ่นของประเทศชิลี ผลสีม่วงเข้ม ใช้เป็นอาหาร มีสรรพคุณทางยาที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรง ผลประกอบด้วยสารกลุ่ม แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ซึ่งเป็นไฟโตนิวเทรียนท์ สีม่วงเข้ม มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูง แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) มีหลากหลายชนิด ซึ่งชนิดที่พบใน มากิ เบอร์รี่ มีชื่อว่า “เดลฟินิดิน (Delphinidin)” เป็นชนิดที่มีฤทธ์ในการต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพสูงที่สุด จึงช่วยลดสารพิษในเลือด และทำให้ตับไม่ต้องแบกรับภาระขจัดสารพิษที่หนักหน่วง และลดทอนการถูกสารพิษทำลายเนื้อเยื่อตับด้วย
9. อาร์ติโช๊ค คือ อะไร มีประโยชน์ต่อตับอย่างไร?
อาร์ติโช๊ค เป็นพืชผักที่บริโภคในทวีปยุโรป นิยมใช้ทำสลัด เป็นส่วนประกอบในอาหาร มีสรรพคุณทางยา
พบ ว่า มีสารไฟโตนิวเทรียนท์ ที่ชื่อว่า “ไซนาริน (Cynarin)” ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมในร่างกาย และยังช่วยปกป้องตับ โดยส่งเสริมกระบวนการกำจัดสารพิษในตับ (Detoxification) ยับยั้งไขมันเลว LDL cholesterol จึงลดความเสี่ยงของตับอักเสบและไขมันเกาะตับ
10. โกจิเบอร์รี่ คือ อะไร มีประโยชน์ต่อตับอย่างไร?
โก จิเบอร์รี่ หรือ เก๋ากี๊ เป็นพืชสมุนไพรตระกูลเบอร์รี่ มีสรรพคุณทางยาใช้ในประเทศจีนมาเป็นเวลานาน ผลสีแดงมีสารต้านอนุมูลอิสระเช่น เบต้าแคโรทีน ไลโคปีน และ โพลีแซคคาไรด์ L. barbarum Polysaccharides ที่มีเฉพาะแต่ในโกจิเบอร์รี่เท่านั้น งานวิจัยพบว่าช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับ และส่งเสริมการสร้างเซลล์ใหม่ของเนื้อเยื่อตับได้
11. ทำไม มากิ พลัส จึงผลิตที่ประเทศไต้หวัน ต้องส่งไปบรรจุที่มาเลเซียหรือไม่ ทำไมมาเลเซียเปิดตัวก่อนไทย ? โรงงานที่เลือกเป็นโรงงานที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องดื่มจากผลไม้ ได้มาตรฐาน อ.ย. GMP และผ่านเกณฑ์การประเมินคุณภาพ ความปลอดภัยที่เข้มงวดของยูนิลีเวอร์ เมื่อผลิตแล้วส่งตรงจากโรงงานถึงไทยโดยตรง
ส่วน เหตุผลที่เปิดตัวในมาเลเซียก่อนเนื่องจากผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ กฎหมายของมาเลเซียจัดให้เป็นอาหาร จึงขึ้นทะเบียนได้ก่อนประเทศไทยซึ่งถูกจัดให้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีขั้นตอนด้านเอกสารที่มากกว่ามาเลเซียใน
12. กระบวนการผลิต มากิ พลัส ใช้ความร้อนหรือตัวทำละลายสารเคมีในการสกัดผลไม้หรือไม่ ?
การ ผลิต มากิ พลัส ใช้วิธีการสกัดเย็น cold extraction process ด้วยวิธีการคั้นน้ำผลไม้ภายใต้ความเย็น และทำให้น้ำผลไม้เย็นจนแข็งตัวแล้วจึงระเหิดเอาน้ำออกเหลือแต่สารไฟโตนิ วเทรียนท์ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเข้มข้น ไม่มีการใช้ความร้อนหรือตัวทำละลายสารเคมีในการสกัด จึงมีความปลอดภัยและคงคุณค่าของสารอาหารเต็มเปี่ยม
13. ใน มากิ พลัส มีส่วนประกอบของใยอาหาร (Fiber) ด้วยหรือไม่?
มากิ พลัส ประกอบด้วย เพคติน ซึ่งถือเป็นใยอาหารตามธรรมชาติมีมากในแอปเปิ้ล จัดเป็นใยอาหารที่ละลายน้ำ มีผลต่อกระบวนการเมตาบอลิซึม ส่งเสริมระบบย่อยอาหารขับถ่าย และมีส่วนช่วยลดการดูดซึมไขมัน ลดระดับคอเลสเตอรอล
14. มากิ พลัส มีการใส่วิตามิน เพิ่มลงไปด้วยหรือไม่?
ไม่ เนื่อง จาก มากิ พลัส เป็นเครื่องดื่มแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่เน้นการต่อต้านอนุมูลอิสระด้วยสารไฟโตนิวเทรียนท์และสารแอนตี้ออกซิแดนท์ และยังประกอบด้วยวิตามิน และสารอาหารที่ทรงคุณค่าอื่นๆ จากผลไม้ซุปเปอร์ฟรุตและเบอร์รี่ ไม่ได้เน้นการเสริมวิตามินเกลือแร่ จึงไม่มีการใส่วิตามินเพิ่มลงไป หากต้องการวิตามินเกลือแร่ครบถ้วนในแต่ละวัน แนะนำให้เสริมด้วย เอ็มวีเอ็ม พลัส
15. มีการเติมน้ำตาลลงใน มากิ พลัส หรือไม่ จะทำให้อ้วนหรือไม่ ?
ไม่มีการเติมน้ำตาล และไม่ทำให้อ้วน เพราะ มากิ พลัส 1 ช็อท 25 มล มีน้ำตาลธรรมชาติเพียง 3 กรัม ซึ่งอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับเครื่องดื่มอื่นๆ หากคุณดื่มน้ำผลไม้บรรจุกล่อง 1 กล่อง อาจได้น้ำตาลถึง 36 กรัม (จากตาราง) แต่ มากิ พลัส 1 ช็อท ให้พลังงานเพียง 20 Kcal เท่ากับ ส้มโอ 1 กลีบ เท่านั้น และยังเข้มข้นด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
ตารางเปรียบเทียบปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม ต่อครั้งการบริโภค
16. มากิ พลัส เติมแต่ง สี กลิ่น รส หรือสารให้ความหวานอื่นๆ หรือ ไม่ ?
ไม่ มีการเติมแต่งสี กลิ่น รส ด้วยสารสังเคราะห์ หรือ เติมสารทดแทนความหวานแทนน้ำตาลเพื่อเพิ่มความหวานแต่อย่างใด เป็นส่วนผสมจากธรรมชาติที่ให้สารต้านอนุมูลอิสระเข้มข้น แต่ให้ความหวานจากน้ำตาลในธรรมชาติ เพียง 3 กรัมต่อ 25 มล เท่านั้น และรสชาติอาจเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยเพราะไม่ได้แต่งกลิ่นรส
17. มากิ พลัส ใส่สารกันเสีย หรือไม่ และมีความปลอดภัยในการบริโภคหรือไม่?
มา กิ พลัส มีการเติมโซเดียม เบนโซเอท เป็นสารกันเสียที่ช่วยป้องกันเชื้อปนเปื้อน และมีความปลอดภัยสูง และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาในประเทศไทยและมาเลเซียและอีกหลาย ประเทศทั่วโลก ให้ใช้ในการถนอมอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องมีการเปิดปิดกินซ้ำ จึงสามารถกินได้ทุกวันอย่างปลอดภัย ซึ่งผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดประเภทเดียวกันในประเทศไทยก็ใช้ โซเดียม เบนโซเอท เป็นสารกันเสียเช่นกันตามมาตรฐานทางกฎหมาย อย่างไรก็ดี เมื่อเปิดแล้วควรเก็บในตู้เย็น และดื่มให้หมดใน 1 เดือน
18. ทำไม มากิ พลัส จึงบรรจุในขวดแก้วสีชา ?
เพราะ เราใส่ใจในการคงคุณค่าของสารสำคัญในผลิตภัณฑ์ โดยธรรมชาติ สารไฟโตนิวเทรียนท์ สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ในพืชจะเสื่อมสลายตัวได้เมื่อสัมผัสกับแสง มากิ พลัส จึงถูกออกแบบมาให้บรรจุในขวดแก้วสีชา เพื่อคงคุณค่าของสารอาหาร
19. วิธีการเก็บรักษา มากิ พลัส ให้ดีที่สุด คือ ?
เก็บ ให้พ้นจากแสงแดด และ ความร้อน ไม่ควรทิ้งไว้ในรถที่จอดกลางแดดเป็นเวลานาน เมื่อเปิดขวดแล้วควรเก็บในตู้เย็น และดื่มให้หมดภายใน 1 เดือน
20. ถ้าไม่มีตู้เย็น จะกิน มากิ พลัส ได้อย่างไร
เมื่อ เปิดแล้วควรเก็บในตู้เย็น และดื่มให้หมดใน 1เดือน แต่ถ้าไม่มีตู้เย็น เมื่อเปิดแล้วก็ไม่ควรเก็บในที่ร้อน เลี่ยงแสงแดด และควรดื่มให้หมดภายใน 1สัปดาห์
21. เราสามารถแบ่งใส่ภาชนะอื่นได้ไหม เพื่อสะดวกในการพกพาไปสถานที่อื่นๆ และหากแบ่งได้ ควรแนะนำใส่ภาชนะประมาณไหนดี?
โดย ปกติ เปิดแล้วควรเก็บในตู้เย็น และดื่มให้หมดใน 1เดือน แต่ถ้าไม่มีตู้เย็น เปิดแล้วไม่ควรเก็บในที่ร้อน เลี่ยงแสงแดด และควรดื่มให้หมดใน 1สัปดาห์ กรณีต้องการแบ่งใส่ขวด (แก้ว หรือ พลาสติกก็ได้) ควรมั่นใจว่าขวดสะอาด เก็บให้พ้นแสง แสงแดดและอากาศร้อน การแบ่งบรรจุและเก็บอยู่นอกตู้เย็นไม่ควรนานเกินกว่า1สัปดาห์ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสื่อมของสารอาหาร ดังนั้นควรเก็บในตู้เย็น
22. ทำไม มากิ พลัส ถึงมีตะกอนตกอยู่ที่ก้นขวด?
ตะกอนที่ก้นขวด มากิ พลัส เป็นใยอาหารตามธรรมชาติของผลไม้ที่เป็นส่วนประกอบ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แนะนำให้เขย่าขวดเล็กน้อยก่อนดื่ม
23. ทำไม รสชาติของ มากิ พลัส ถึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากเปิดขวดกินระยะหนึ่งแล้ว?
มา กิ พลัส ประกอบด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่มีการเจือสีแต่งกลิ่นสังเคราะห์ หลังจากที่เปิดขวดแล้ว อากาศจะทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อย แต่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใดแนะนำให้เก็บในตู้เย็นและควรบริโภคให้หมด ภายใน 1 เดือน
B. ผลลัพธ์ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าด้วยค่า ORAC สูงที่สุด และยืนยันผลการทดลองทางคลินิก
24. ค่า ORAC ของมากิ พลัส คืออะไร?
ค่า ออแรค ORAC (Oxygen Radical Absorbance Capacity) คือ ค่าที่ได้จากการวัดความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ ผลิตภัณฑ์ อาหารและเครื่องดื่ม ที่มีค่า ORAC สูงกว่า มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่า (Antioxidant) จากการนำ มากิ พลัส ไปตรวจสอบที่ห้องแล็ปปฏิบัติการ Brunswick Lab, USA ซึ่งถือเป็นห้องแล็ปที่ได้รับความเชื่อถือในระดับโลก เชี่ยวชาญด้านการทดสอบสารต้านอนุมูลอิสระ เมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์แบรนด์อื่นๆ พบว่า มากิ พลัส มีค่า ORAC สูงสุด คือ 249,225 umolTE ต่อ ขวด (ไมโครโมลTE หรือ ไมโครโมลโทรล็อกซ์ เป็นหน่วยของประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระ)
25. การวัดความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ (ORAC) ของ มากิ พลัส มีค่าเท่ากับ 249,225 umolTE ต่อขวด ค่าที่สูงนี้ถือว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ และช่วยเสริมสุขภาพองค์รวม หรือ ระบบภูมิต้านทานได้อย่างไร?
การวัดค่า ORAC เป็นการหาค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ การวัดนี้ถือเป็นมาตรฐานในระดับสากล ค่ายิ่งสูง ยิ่งแปลว่าผลิตภัณฑ์สามารถต่อต้านสารพิษอนุมูลอิสระได้ดี ซึ่งเหมาะกับภาวการณ์ปัจจุบันที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษสู่ร่างกาย จาก การปนเปื้อนในอาหาร ความเครียด ปัญหาสุขภาพ พฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ฯลฯ เมื่อสารพิษลดลง สุขภาพองค์รวมดีขึ้น ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่ต้องทำงานหนักเกินไปนั่นเอง (อย่างไรก็ดี ค่าที่สูงนี้เป็นการทดสอบโดยคิดจากปริมาณ ต่อ ขวด)
26. มากิ พลัส แตกต่างจากเครื่องดื่ม เบอร์รี่ เข้มข้น แบบบรรจุขวดเล็กๆ หรือ ขวดใหญ่ๆ ในท้องตลาดอย่างไร ?
มา กิ พลัส คัดสรรส่วนผสม 12 ชนิดซุปเปอร์ฟรุต และ เบอร์รี่ เข้มข้น ผสมผสานลงตัว เป็น “เครื่องดื่มแอนตี้ออกซิแดนท์” ที่มุ่งเน้นการต่อต้านสารพิษอนุมูลอิสระในร่างกาย และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการต่อต้านอนุมูลอิสระแล้ว ด้วย ค่า ORAC ที่สูงที่สุดถึง 249,225 umoL TE ต่อขวด และผ่านการพิสูจน์ผลลัพธ์สุขภาพในอาสาสมัคร ว่าลดสารพิษอนุมูลอิสระในร่างกายได้จริง ให้ผลลัพธ์เลือดสะอาด ตับแข็งแรง ส่งผลต่อสุขภาพองค์รวมที่ดี
27. มากิ พลัส เหนือกว่า เครื่องดื่มจากผลไม้บางยี่ห้อ ซึ่งมีส่วนผสมจากผลไม้จำนวนชนิดมากกว่า มากิ พลัส อย่างไร?
จำนวนผลไม้ที่มากกว่าไม่ได้แปลว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ จะมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า มากิ พลัส คัด สรรส่วนผสมที่ลงตัวของ ซุปเปอร์ฟรุตและเบอร์รี่ 12 ชนิด แม้จำนวนชนิดจะน้อยกว่าบางผลิตภัณฑ์ แต่ชนิดของผลไม้และปริมาณที่ใส่ในสูตร รวมถึงกระบวนการผลิต ทำให้ มากิ พลัส มีจำนวนชนิดของสารสำคัญหลากหลาย ครอบคลุมการดูแลสุขภาพ และมีค่าการต่อต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด
28. มากิ พลัส 1 ช็อท 25 มล. เทียบเท่ากับ กล้วย 40 ผล มีผู้สอบถามว่า หากต้องการเทียบปริมาณ มากิ พลัส กับกล้วยเพียง 20 ผล สามารถลดปริมาณ มากิ พลัส ลงเหลือ ครึ่งช็อท หรือ 12.5 มล. ต่อวัน ได้หรือไม่ ?
การ เปรียบเทียบดังกล่าวเป็นการเทียบประสิทธิภาพการต่อต้านอนุมูลอิสระของ มากิ พลัส กับผลไม้อื่นๆ แต่ไม่ใช่การเทียบปริมาณของสารอาหารทั้งหมด แม้ว่าคุณจะดื่ม มากิ พลัส เป็นประจำอยู่แล้วก็ยังควรกินผัก ผลไม้ อาหารอื่นๆ ด้วย โดยปกติแนะนำให้กินอย่างน้อย 1 แก้วช็อท (25 มิลลิลิตร) เพื่อให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระไว้ต่อต้านสารพิษความเครียดมลภาวะ ในแต่ละวัน แต่หากกินน้อยกว่า 1 แก้วช็อท ก็สามารถทำได้แต่นั่นก็หมายความว่าคุณจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระลดลงเช่น กัน
29. ผลการทดลองทางคลินิก ให้ผลลัพธ์ยืนยันประสิทธิภาพอย่างไร ?
การ ทดลองทางคลินิก โดยให้อาสาสมัครที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษอนุมูลอิสระสูง (เช่น สูบบุหรี่ทุกวัน ดื่มเหล้าทุกวัน) ดื่ม มากิ พลัส ต่อเนื่อง วันละ 100 มิลลิลิตร (4 ช็อท) นาน 3 เดือน ทำการเจาะเลือดตรวจการทำงานของตับ สารพิษ และ สารต้านอนุมูลอิสระในเลือด ได้ข้อสรุปคือ ช่วยให้ “เลือดสะอาด ตับแข็งแรง” จึงส่งเสริมสุขภาพตับ และสุขภาพองค์รวมได้ โดยผลมีดังนี้
1. กำจัดสารพิษได้เร็วกว่า และ มากกว่าถึง 3 เท่า 2. ลดสารพิษในเลือดสูงสุดถึง 51%
3. เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระทั้งในและนอกเซลล์ และในตับถึง 246% 4. ปกป้องตับเพิ่มขึ้น 14%
30. ผลลัพธ์ใดที่จะรู้สึกได้อย่างแตกต่าง เมื่อดื่ม มากิ พลัส อย่างต่อเนื่อง?
จาก การทดสอบในอาสาสมัครที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษอนุมูลอิสระสูง กิน มากิ พลัสต่อเนื่อง วันละ 100 มิลลิลิตร (4 ช็อท) พบว่า ภายหลังกินเพียง 1 เดือน อาสาสมัครให้ความเห็นว่า รู้สึกได้ถึงความแตกต่างคือ สดชื่นขึ้น รู้สึกสุขภาพแข็งแรงขึ้น คลายความอ่อนเพลีย รู้สึกมีพลัง และผิวดูสดใสขึ้น
31. จะเริ่มต้นเห็นผลการส่งเสริมสุขภาพได้ชัดเจนเมื่อกินต่อเนื่องนานเท่าใด ?
ขึ้นอยู่กับพื้นฐานสุขภาพ และวิธีการดูแลสุขภาพอื่นๆ ร่วมด้วย การทดลองทางคลินิก โดยให้อาสาสมัครที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษอนุมูลอิสระสูง กินมากิพลัสต่อเนื่อง วันละ 100 มิลลิลิตร (4 ช็อท) พบว่าจากการเจาะเลือดตรวจการทำงานของตับ สารพิษ และ สารต้านอนุมูลอิสระในเลือด เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนที่ 1 และเห็นผลที่ดียิ่งขึ้นในเดือนที่ 3 ทั้งนี้ในการทดลองได้สอบถามความรู้สึกผู้ทดสอบภายหลังดื่มนาน 1 เดือน อย่างไรก็ดี โดยส่วนใหญ่ผู้บริโภคจะรู้สึกสดชื่นขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่บางคนก็อาจรู้สึกสดชื่นขึ้นได้ใน1-2 วันแรกที่กิน
32. มีคนบอกว่าการกินสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง หรือผิดปกติ จริงหรือไม่?
ยังไม่มีงานวิจัยใดระบุข้อมูลดังกล่าว แต่ในทางตรงกันข้าม มีงานวิจัยรับรองถึงสารไฟโตนิวเทรียนซ์ ที่มีฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์ในผลไม้และเบอร์รี่ ว่าช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายมากมาย
33. มีประวัติทางการแพทย์รับรองผลการดื่ม มากิ พลัส ต่อร่างกายในระยะยาว หรือไม่? มีข้อมูลอ้างอิงจากที่ใดบ้าง?
มากิ พลัส ไม่ใช่ยารักษาโรค จึงไม่มีผลรับรองการรักษา อย่างไรก็ดี เช่นเดียวกับการกินผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงเป็นประจำ การดื่ม มากิ พลัส ที่ได้มาจากผลไม้และเบอร์รี่เข้มข้น 100% รวม 12 ชนิด จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพ ลดความเสี่ยงการเกิดโรค และมีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายจากวัตถุดิบเหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยรับรองทางด้านการให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ เกี่ยวกับผลไม้และเบอร์รี่ ที่มีสารไฟโตนิวเทรียนซ์ มากมาย และองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังได้ระบุว่า การกินผักและผลไม้เป็นประจำ จะช่วยเสริมสุขภาพ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ อีกด้วย อย่างไรก็ดี มีการทดลอง มากิ พลัส ในอาสาสมัครที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษอนุมูลอิสระเป็นประจำ พบว่า มากิ พลัส ช่วยลดสารพิษในเลือด ให้เลือดสะอาด ตับแข็งแรง ส่งเสริมสุขภาพองค์รวมได้